แบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ธุรกิจที่สามารถประคับประคองและเติบโตได้ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ที่ยากลำบาก เพื่อให้สามารถปรับตัวตามข้อกำหนดของภาครัฐที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงความคาดหวังของผู้บริโภค ซูเปอร์มาร์เก็ตเหล่านี้จึงต้องเร่งเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจอย่างรวดเร็ว ในอดีต การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้มักถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์ระยะยาว ซึ่งต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี แต่ในวันนี้ ผู้ค้าปลีกตระหนักแล้วว่า เทคโนโลยีคือสิ่งจำเป็นเชิงกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอดและความสามารถในการแข่งขัน พวกเขาไม่สามารถรอได้อีกต่อไป
ดังนั้น เราจึงขอแบ่งปัน “8 แนวคิดเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง” จากวงการซูเปอร์มาร์เก็ต
นวัตกรรมที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในสหราชอาณาจักรนำมาใช้นั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในอุตสาหกรรมค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคเพียงอย่างเดียว ผู้ค้าปลีกในอุตสาหกรรมอื่นก็สามารถนำเทคโนโลยีเดียวกัน หรือแนวคิดที่คล้ายคลึงกันไปประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในร้าน และวางรากฐานเพื่อธุรกิจในอนาคตได้เช่นกัน
แนวคิดที่ 1: เทคโนโลยี ‘Scan Pay Go’ – ช้อปง่าย ปลอดภัยขึ้นภายในร้าน
Sainsbury’s เป็นหนึ่งในซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำของสหราชอาณาจักรที่ส่งเสริมการใช้งานเทคโนโลยี Scan & Go ผ่านแอป SmartShop ซึ่งลูกค้าสามารถใช้มือถือของทางร้าน หรือแอปในมือถือของตนเอง สแกนสินค้าและใส่ถุงได้ทันทีระหว่างการเลือกซื้อสินค้า โดยไม่ต้องรอชำระเงินที่แคชเชียร์
ซูเปอร์มาร์เก็ตอื่น ๆ อย่าง Asda ได้ขยายบริการ Scan & Go ไปยังเกือบทุกสาขากว่า 600 แห่ง ส่วน M&S ได้เพิ่มจำนวนร้านที่รองรับ “Mobile Pay Go” มากกว่า 100 สาขา และ Tesco มีบริการ “Scan as You Shop” ในร้านขนาดใหญ่เกือบ 600 แห่งทั่วประเทศ
ผู้บริโภคเริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีนี้มากขึ้น เนื่องจากมีข้อดีที่ชัดเจน เช่น:
นอกจากนี้แอป Scan & Go ยังแสดงยอดรวมของสินค้าแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ลูกค้าควบคุมงบประมาณการซื้อสินค้าได้ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์รายการสินค้า (Shopping List) ซึ่งลูกค้าสามารถอัปโหลดรายการซื้อ และแอปจะจัดเรียงตามลำดับสินค้าที่วางในชั้นวางตามทางเดิน ช่วยให้ง่ายต่อการค้นหาและจัดการเส้นทางในร้านอย่างมีประสิทธิภาพ
แนวคิดที่ 2: ยกเลิกขั้นตอนจ่ายเงินที่แคชเชียร์
ซูเปอร์มาร์เก็ต Aldi ซึ่งเป็นแบรนด์ราคาประหยัด กำลังพัฒนาเทคโนโลยี “ร้านไร้แคชเชียร์” ที่คล้ายคลึงกับ Amazon Go โดยเปิดรับบริษัทเทคโนโลยีที่สามารถพัฒนาโซลูชันการจดจำสินค้าโดยอัตโนมัติผ่านกล้องวงจรปิดในร้าน เซ็นเซอร์บนรถเข็น หรือผ่านสมาร์ทโฟนของลูกค้า
เทคโนโลยีแคชเชียร์เลส (Frictionless Checkout) กำลังเป็นที่ต้องการมากขึ้น Tesco ก็อยู่ระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีนี้เช่นกัน โดยเคยทดลองร้านค้าไร้เงินสดตั้งแต่ปี 2018 แม้ยังไม่ได้ขยายให้ครอบคลุมทุกสาขา
ขณะที่ Amazon Go กำลังเตรียมเปิดร้านแบบไม่มีแคชเชียร์ถึง 10 สาขาในสหราชอาณาจักร ด้วยเทคโนโลยี “Just Walk Out” ลูกค้าเพียงใช้บัตรเครดิตในการเข้าสู่ร้าน หยิบสินค้า และออกจากร้านได้ทันที โดยกล้องและเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งอยู่ภายในจะตรวจจับสินค้าที่ถูกหยิบขึ้น และทำการเรียกเก็บเงินจากบัตรโดยอัตโนมัติภายหลัง เทคโนโลยีนี้ทำให้ประสบการณ์การช้อปปิ้งกลายเป็นเรื่องที่สะดวกและไร้สัมผัสอย่างแท้จริง – อย่างน้อยในเวลานี้.
เช่นเดียวกัน ในประเทศสิงคโปร์ เราเริ่มเห็นการนำระบบ AI มาใช้งานแล้ว โดยร้าน Octobox และร้านสะดวกซื้อ Cheers ได้นำเสนอประสบการณ์ร้านค้าไร้พนักงาน (Unmanned Store) อย่างเต็มรูปแบบ
แนวคิดที่ 3: ทางเลือกในการจัดส่งที่ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่ม
ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา Morrisons ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก โดยมุ่งเน้นการลดราคาสินค้าจำเป็น และให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มเปราะบาง ล่าสุด Morrisons ได้ร่วมมือกับบริษัท McCarthy & Stone ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการบ้านพักผู้สูงอายุ เพื่อให้บริการจัดส่งสินค้าถึงหน้าบ้านในชุมชนผู้สูงอายุทั่วประเทศ
โครงการนี้เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุสามารถสั่งซื้อของจากซูเปอร์มาร์เก็ตผ่านทางโทรศัพท์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต และช่วยลดความเสี่ยงจากการต้องออกไปซื้อของนอกบ้าน
ขณะเดียวกัน สำหรับลูกค้าที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ความร่วมมือระหว่างซูเปอร์มาร์เก็ตกับบริการจัดส่งอย่าง Amazon Prime และ Deliveroo ก็ได้สร้างทางเลือกใหม่ในการจัดส่งแบบรวดเร็วเป็นพิเศษ ปัจจุบัน Amazon และ Morrisons กำลังทดสอบบริการจัดส่งสินค้าทั้งแช่เย็น แช่แข็ง และของสดภายในวันเดียวให้กับสมาชิก Amazon Prime ส่วน Deliveroo ก็ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อของจำเป็นจากร้านค้าต่าง ๆ เช่น Co-op, Morrisons และ M&S พร้อมบริการจัดส่งถึงหน้าบ้านภายในเวลาไม่ถึง 30 นาที
แนวคิดที่ 4: สนับสนุนการเว้นระยะห่างทางสังคมและการควบคุมฝูงชน
มาตรการเว้นระยะห่างและการควบคุมจำนวนผู้เข้าใช้บริการในพื้นที่สาธารณะอาจยังคงอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ผู้ค้าปลีกจึงเริ่มหาวิธีใหม่ๆ ในการจัดการจำนวนลูกค้าในร้านค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
Aldi ได้พัฒนาระบบสัญญาณไฟจราจรอัตโนมัติเพื่อแจ้งลูกค้าว่าสามารถเข้าร้านได้เมื่อใด ระบบนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการจำกัดจำนวนลูกค้าให้เหมาะสมกับระยะห่างสองเมตรตามมาตรการความปลอดภัย โดยเมื่อไฟเป็นสีเขียว ประตูจะเปิดอัตโนมัติให้ลูกค้าเข้าไปในร้านได้ แต่หากเป็นสีแดง ประตูจะปิดและลูกค้าต้องรออยู่ด้านนอกจนกว่าจะมีคนออกจากร้าน
ศูนย์การค้าอย่าง Intu และ Hammerson ก็ใช้วิธีคล้ายกัน Intu ได้นำเทคโนโลยีติดตามจำนวนผู้เข้าชมมาใช้เพื่อตรวจสอบและจำกัดจำนวนผู้คนภายในศูนย์ และเมื่อถึงขีดจำกัด เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ลูกค้ารออยู่ภายนอก
ในขณะที่ศูนย์การค้าของ Hammerson มีเครื่องมือ Crowd Checker ซึ่งช่วยให้ลูกค้าตรวจสอบข้อมูลจำนวนผู้ใช้บริการแบบเรียลไทม์ได้จากที่บ้าน ทำให้สามารถเลือกเวลาที่เหมาะสมในการไปช้อปปิ้ง ลดความแออัด และเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการ
แนวคิดที่ 5: เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคลังสินค้า
ตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์ในเดือนมีนาคม Ocado บริษัทจัดส่งสินค้าออนไลน์ของสหราชอาณาจักร ประสบกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า ส่งผลให้คลังสินค้าที่ขับเคลื่อนด้วยหุ่นยนต์ต้องทำงานอย่างเต็มกำลังตลอดเวลา แม้พนักงานมนุษย์จะต้องเผชิญกับความเครียดและภาระงานสูง แต่หุ่นยนต์ก็สามารถรับมือกับคำสั่งซื้อได้อย่างต่อเนื่อง
หุ่นยนต์ของ Ocado สามารถทำหน้าที่รับของ จัดของ และนำไปให้พนักงานแพ็คสินค้าได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ Ocado ยังถือครองสิทธิบัตรเกี่ยวกับเทคโนโลยีอัตโนมัติหลายร้อยรายการ ตั้งแต่หุ่นยนต์หยิบสินค้าไปจนถึงสแกนเนอร์แบบสวมศีรษะ ซึ่ง Ocado มีแผนจะให้เช่าเทคโนโลยีเหล่านี้แก่ซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วโลก
Tesco เองก็เล็งเห็นโอกาสในการนำระบบอัตโนมัติมาใช้เช่นกัน โดยมีแผนเปิดศูนย์จัดการคำสั่งซื้ออัตโนมัติในเขตเมืองมากถึง 25 แห่งภายในปี 2022 ศูนย์เหล่านี้จะตั้งอยู่ด้านหลังร้านค้าและใช้เทคโนโลยีล่าสุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการหยิบสินค้าขึ้นถึง 2-3 เท่า
แนวคิดที่ 6: ใช้ระบบอัตโนมัติในการทำความสะอาด
Asda เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตรายแรกในสหราชอาณาจักรที่นำหุ่นยนต์ทำความสะอาดอัตโนมัติมาใช้เพื่อลดการแพร่ระบาดของโควิด-19
หุ่นยนต์ทำความสะอาดนี้สามารถขับเคลื่อนเองตามเส้นทางที่ตั้งไว้ หรือให้พนักงานขับเองก็ได้ โดยมีความสามารถในการตรวจจับสิ่งกีดขวางและสามารถหยุดหรือลดความเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงการชน
Asda ยังทดลองใช้ระบบล้างรถเข็นอัตโนมัติซึ่งสามารถฆ่าเชื้อบริเวณที่ลูกค้าสัมผัสได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพนักงาน ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้กับพนักงานอีกทางหนึ่ง
แนวคิดที่ 7: ป้องกันการขโมยสินค้า
Sainsbury’s ได้ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีความปลอดภัย ThirdEye เพื่อทดลองใช้ระบบตรวจจับการซ่อนสินค้าด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยระบบสามารถระบุได้เมื่อลูกค้านำสินค้าไปซ่อนไว้ในเสื้อผ้าหรือกระเป๋า และจะมีการบันทึกวิดีโอเหตุการณ์พร้อมแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ตรวจสอบ
Sainsbury’s เคยทดลองใช้เทคโนโลยีรุ่นก่อนหน้านี้มาแล้ว และสามารถป้องกันการขโมยได้ถึงเกือบ 6,000 ครั้งใน 20 สาขาในช่วงเดือนกันยายน 2019 ถึงมีนาคม 2020 เทคโนโลยีใหม่นี้นับเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีป้องกันการขโมยแบบเชิงพาณิชย์ตัวแรกของโลก
แนวคิดที่ 8: สร้างอนาคตที่ยั่งยืน
แม้ว่าวิกฤตโควิด-19 อาจทำให้ประเด็นเรื่องความยั่งยืนถูกลดความสำคัญลง แต่ผู้บริโภคจำนวนมากยังคงให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยผลสำรวจล่าสุดพบว่า 55% ของประชากรทั่วโลกมีความกังวลต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นหลังเกิดโรคระบาด
แม้บางโครงการด้านความยั่งยืนอาจถูกเลื่อนออกไป แต่ซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งยังคงเดินหน้า เช่น Tesco และ Asda ที่ยังคงดำเนินแผนลดการใช้พลาสติก Tesco ลดพลาสติกบรรจุน้ำผลไม้เย็นได้ถึง 410 ตันต่อปี ส่วน Asda ได้ถอดส้อมพลาสติกกว่า 24.5 ล้านชิ้นออกจากสลัดและเมนูสุขภาพของตน
ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตอาหารและผู้ค้าปลีกรายใหญ่ 14 ราย รวมถึง Tesco และ Sainsbury’s ก็ได้เข้าร่วมพันธมิตรลดขยะอาหารของ Consumer Goods Forum ซึ่งมีเป้าหมายลดขยะอาหารทั่วโลกลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2030
แม้ว่ายังไม่มีแผนดำเนินการที่ชัดเจน แต่เทคโนโลยีที่นำมาใช้ในปัจจุบันมีบทบาทสำคัญ เช่น เทคโนโลยีเคลือบผักผลไม้เพื่อยืดอายุการเก็บรักษา ระบบ AI เพื่อจัดการสต๊อกสินค้าอย่างแม่นยำ และแอปบริจาคอาหารที่ช่วยลดขยะอาหารจากร้านค้าปลีก
สรุป
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซูเปอร์มาร์เก็ตต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือกับความท้าทายที่หลากหลาย ตั้งแต่การควบคุมฝูงชน ความสะอาดที่เข้มงวดขึ้น ไปจนถึงความซับซ้อนในการจัดการสินค้าคงคลังจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเทคโนโลยีได้กลายเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง และสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง
หากธุรกิจของคุณก็ต้องการการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ตอบโจทย์และคาดการณ์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ติดต่อเราได้เลย
บทความข้างต้นเขียนโดย LS Retail เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2020
สามารถเข้าถึงบทความต้นฉบับได้ ที่นี่