Omni-channel กับบทเรียนสำคัญจากวิกฤตโควิด-19 ทั้งความสำเร็จและอุปสรรค

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ธุรกิจค้าปลีกที่เน้นช่องทางดิจิทัลและ Omni-channel สามารถปรับตัวและฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์โควิด-19 ได้ดีกว่าร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม การปิดร้านค้า มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม และการลดการใช้จ่ายของผู้บริโภค นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในวงการค้าปลีก ทำให้ร้านค้าหลายแห่งเสี่ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านที่ให้ความสำคัญกับร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมมากกว่ากลยุทธ์ Omni-channel

Primark เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงความจริงที่น่าตระหนักใจ ร้านเสื้อผ้านี้ถือเป็นกรณีที่แตกต่างจากร้านค้ารายอื่นบนถนนสายหลัก เพราะเป็นร้านเดียวไม่กี่แห่งที่ไม่มีช่องทางขายออนไลน์ ในการสัมภาษณ์กับ Drapers ปี 2019 ซีอีโอ พอล มาร์ชานต์ กล่าวว่า โมเดลธุรกิจที่เน้นขายจำนวนมาก กำไรต่อหน่วยต่ำ และราคาขายต่ำของร้านนี้ ไม่เหมาะสำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ โมเดลธุรกิจนี้ช่วยให้ร้านค้าประสบความสำเร็จมาโดยตลอด จนกระทั่งถึงตอนนี้ บริษัทต้องปิดร้านค้าบนถนนสายหลักในยุโรปทั้งหมด ส่งผลให้ยอดขายที่เคยประมาณ 650 ล้านปอนด์ต่อเดือนกลายเป็นศูนย์

แบรนด์ชั้นนำอื่นๆ ก็ประสบความยากลำบากเมื่อขาดการใช้กลยุทธ์ Omni-channel ร้านค้าปลีกแฟชั่น Cath Kidston ยืนยันการปิดสาขาร้านค้าแบบหน้าร้านอย่างถาวร Neiman Marcus ห้างสรรพสินค้าหรูของสหรัฐฯ ประกาศยื่นขอล้มละลายในเดือนพฤษภาคม ด้วยภาระหนี้สินและการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นจากผู้ค้าปลีกออนไลน์ ผลกระทบจากโควิด-19 ได้ทำลายโอกาสในการฟื้นตัวของธุรกิจเหล่านี้

ขณะเดียวกัน ร้านค้าปลีกที่เน้นดิจิทัลและ Omni-channel ก็สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ได้อย่างรวดเร็วกว่า บางรายประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น ร้าน The Works จากสหราชอาณาจักร พบว่ายอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าช่วงล็อกดาวน์โควิด-19 และรายงานยอดขายในร้านและออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น 81% ในสัปดาห์หนึ่งของเดือนมีนาคม แม้ว่าร้านค้าปลีกทุกแห่งจะปิดอยู่ นช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่รุนแรงที่สุดในจีน แบรนด์กีฬาชั้นนำ Nike สามารถรักษาธุรกิจไว้ได้ด้วยการเชื่อมต่อกับลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล เช่น การให้แอปออกกำลังกายที่บ้านฟรี ผู้ใช้งานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 80% และยอดขายออนไลน์ก็เพิ่มขึ้นราวหนึ่งในสาม ขณะที่ลูกค้าซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายใหม่ๆ

ร้านค้าปลีกที่มีช่องทางออนไลน์ที่ครบวงจร รูปแบบการจัดส่งที่ยืดหยุ่น เช่น การส่งถึงบ้านและการสั่งซื้อแล้วรับสินค้า และประสบการณ์ลูกค้าที่ราบรื่นในทุกช่องทาง สามารถรักษายอดขายและลดความสูญเสียจากการปิดร้านได้ดีกว่า

แม้ข้อจำกัดจากล็อกดาวน์จะถูกยกเลิกแล้ว แต่อนาคตยังคงไม่แน่นอน ธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องทำงานหนักเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง นี่คือ 5 ด้านที่ควรมุ่งเน้นเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับประสบการณ์ลูกค้า เพิ่มศักยภาพของ Omni-channel และในที่สุดเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ

1. ประสบการณ์ดิจิทัลต้องเป็นไปอย่างราบรื่น

แมคคินซีย์แนะนำให้ร้านค้าปลีกปรับปรุงหน้าเว็บเพจเพื่อให้เหมาะกับการช้อปปิ้งออนไลน์ นยุคนี้ ความเร็วของเว็บไซต์ ความเสถียร และระยะเวลาการจัดส่ง จะเป็นตัวกำหนดว่าลูกค้าจะเลือกซื้อกับคุณหรือเปลี่ยนไปซื้อกับคู่แข่งอย่างรวดเร็ว พิจารณาข้อมูลและสินค้าที่คุณนำเสนอในหน้าหลักของเว็บไซต์ แมคคินซีย์แนะนำอีกว่า ควรจัดให้สินค้าที่ขายดีที่สุดและมีกำไรสูงสุดอยู่ในตำแหน่งที่ค้นหาได้ง่าย โดยอ้างอิง Amazon ซึ่งหน้ารายการสินค้าหน้าแรกได้รับคลิกเกือบสองในสามของทั้งหมด

ยิ่งทำให้ขั้นตอนง่ายขึ้นเท่าไหร่ โอกาสที่ผู้เข้าชมจะกลายเป็นลูกค้าก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น ด้วยแนวโน้มการช้อปปิ้งบนมือถือที่เพิ่มขึ้น การอัปเดตตะกร้าสินค้าแบบเรียลไทม์ข้ามอุปกรณ์ และระบบชำระเงินที่รวดเร็วและเรียบง่าย ถือเป็นสิ่งจำเป็น “ลูกค้าไม่ควรถูกบังคับให้กรอกข้อมูลส่วนตัวเป็นจำนวนมากและหลายหน้าติดต่อกัน นี่คือเหตุผลที่บริการอย่าง PayPal และ Mastercard Click to Pay ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะข้อมูลลูกค้าที่จำเป็นถูกกรอกไว้ล่วงหน้าแล้ว และผู้ถือบัตรเพียงแค่ยอมรับเงื่อนไขหรือทำการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน

2. ความพร้อมของสินค้าต้องแสดงให้ผู้บริโภคเห็นได้ทันที

ตอนนี้ลูกค้าน้อยลงที่ยอมเดินทางไปหลายร้านเพื่อค้นหาสินค้าที่ต้องการ แทนที่จะเสี่ยงเดินทางไปหลายที่ ลูกค้าจะเลือกไปที่ร้านค้าที่มีสินค้าครบถ้วนที่สุด และถ้าลูกค้าสามารถมั่นใจว่าสินค้าที่ต้องการมีในร้านก่อนออกจากบ้าน ก็จะยิ่งสะดวกและดียิ่งขึ้น

เมื่อเผชิญกับความท้าทายของห่วงโซ่อุปทาน การขาดสินค้าในสต็อกเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากขึ้น นอกจากนี้ ลูกค้าที่ระมัดระวังต้องการลดจำนวนครั้งในการเดินทางไปซื้อของ ดังนั้น ร้านค้าปลีกจึงจำเป็นต้องแบ่งปันข้อมูลสินค้าคงคลังให้มากที่สุด ถ้าสินค้าหมดสต็อก ลูกค้าจะชื่นชมถ้าได้รับแจ้งล่วงหน้า ดีกว่าต้องออกไปโดยไม่จำเป็นแล้วผิดหวัง สิ่งนี้ก็เป็นเช่นเดียวกันกับการสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ การแจ้งให้ลูกค้าทราบตั้งแต่ต้นว่าคำสั่งซื้อจะล่าช้า หรือในกรณีร้านอาหารอาจขาดหรือเปลี่ยนสินค้า จะช่วยลดความหงุดหงิดได้มากกว่าการแจ้งหลังจากจ่ายเงินไปแล้ว

การเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นจากลูกค้า ในเวลานี้ ลูกค้าของคุณยิ่งต้องการความชัดเจนเกี่ยวกับสต็อกสินค้าเพื่อการวางแผนที่ดีขึ้น

3. ควรมีตัวเลือกการส่งและรับสินค้าหลากหลายรูปแบบ

การส่งสินค้าที่ปลอดภัยและไม่ต้องติดต่อใกล้ชิด คือมาตรฐานใหม่ในปัจจุบัน ตามรายงานของแมคคินซีย์ ผู้บริโภคในสหรัฐฯ เกือบหนึ่งในสี่คนใช้บริการจัดส่งสินค้ามากขึ้นกว่าก่อนวิกฤต

ร้านค้าที่มีระบบจัดส่งและบริการคลิกแล้วรับสินค้ามีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการที่สูงขึ้น ผู้ค้ารายอื่นๆ ก็สามารถปรับตัวและตามทันได้สำเร็จ Panera เบเกอรี่จากสหรัฐฯ ดำเนินการอย่างรวดเร็วในการเปิดบริการจัดส่งของชำใหม่ เพื่อรองรับลูกค้าในช่วงที่ร้านกาแฟต้องปิดให้บริการ ลูกค้าสามารถสั่งซื้อขนมอบสดใหม่และของชำผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมจัดส่งถึงที่ สามารถสั่งและรับสินค้าที่หน้าร้าน (Curbside Ordering and Pickup) ได้เช่นกัน

ร้านค้าบางรายยังได้สำรวจความร่วมมือใหม่ๆ เพื่อขยายการเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้นด้วย ร้านรองเท้า DSW จากสหรัฐฯ ร่วมมือกับร้านของชำ Hy-Vee เพื่อขายสินค้าผ่านเครือข่ายร้านของชำในช่วงที่ร้านของตนเองต้องปิด

ไม่ว่าจะผ่านช่องทางไหน วิกฤตครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าการมีช่องทางหลายรูปแบบที่พร้อมใช้งานหรือจัดตั้งได้อย่างรวดเร็วเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการเข้าถึงลูกค้า

4. จำเป็นต้องเสริมความมั่นคงและความยืดหยุ่นในห่วงโซ่อุปทาน

UK chocolatier Hotel Chocolat รายงานยอดขายออนไลน์พุ่งสูงขึ้นก่อนวันอีสเตอร์ อย่างไรก็ดี พวกเขายังไม่พร้อมรับมือและจึงพลาดโอกาสครั้งนี้ “ทุกวันในช่วงอีสเตอร์ ความต้องการสั่งซื้อทางออนไลน์สูงกว่าปริมาณที่เราสามารถรับได้ เนื่องจากข้อกำหนดด้านความปลอดภัยในการทำงาน ประกอบกับระยะเวลาในการปรับตัวที่สั้น” นายแองกัส เธิร์ลเวลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าว

ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน ผู้ค้าปลีกจำนวนมากต้องรีบปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานและกระจายทรัพยากรไปยังส่วนที่มีความต้องการสูงสุด มาตรการที่นำมาใช้ ได้แก่ การโยกย้ายพนักงานสำนักงานไปทำงานในศูนย์กระจายสินค้าเป็นการชั่วคราว และการฝึกอบรมพนักงานใหม่เพื่อสนับสนุนงานคัดแยกและบรรจุสินค้าสำหรับการจัดส่งคำสั่งซื้อออนไลน์ เหตุการณ์นี้อาจสอนให้ผู้ค้าปลีกเห็นถึงความจำเป็นของการดำเนินธุรกิจที่มีความยืดหยุ่น และการเตรียมพนักงานให้มีทักษะหลากหลาย สามารถปรับตัวเข้ากับบทบาทต่างๆ ได้ตามสถานการณ์

อีกหนึ่งบทเรียนสำคัญคือ ผู้ค้าปลีกต้องมีระบบ Business Intelligence และความสามารถด้านการวิเคราะห์รายงานที่แข็งแกร่ง เพื่อใช้ในการตัดสินใจเรื่องการจัดซื้อและการจัดการสต๊อกในระยะยาว สิ่งที่ธุรกิจได้เรียนรู้เพื่ออนาคต คือความจำเป็นในการวางกลยุทธ์การจัดซื้อแบบรวมศูนย์ และเสริมความสามารถในการคาดการณ์ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในช่วงเวลาที่มีความต้องการสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจถึงขั้นที่ผู้ค้าปลีกต้องแบ่งปันข้อมูลและทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อวางแผน คาดการณ์ และเติมสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าและลดการสูญเปล่า

5. บทบาทของหน้าร้านต้องได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่

สิ่งที่ผู้ค้าปลีกตระหนักอย่างชัดเจนจากวิกฤตโควิด-19 คือ ดิจิทัลมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความอยู่รอดของธุรกิจ ในอนาคต ประสบการณ์ช็อปปิ้งแบบในร้านเพียงอย่างเดียวจะไม่เพียงพออีกต่อไป “ผู้ค้าปลีกที่ประสบความสำเร็จในการใช้กลยุทธ์ออมนิจแชนเนลนั้น จะเป็นผู้ที่กลับมาฟื้นตัวได้เร็วกว่า” คิมเบอร์ลีย์ เบ็คเกอร์, ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยอาวุโสจากการ์ทเนอร์ กล่าว ในอนาคตที่ผู้บริโภคอาจไม่สะดวกใจที่จะอยู่ในร้านนาน ๆ เฉพาะเครือร้านค้าที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีเท่านั้นที่จะสามารถแข่งขันได้

แม้ว่าก่อนเกิดวิกฤตเทรนด์ร้านค้าปลีกที่มุ่งเน้นประสบการณ์ลูกค้าจะกลับมาอีกครั้งในบางช่วงเวลา แต่ปัจจุบันผู้ค้าปลีกก็ทดลองใช้ “ร้านเทา” และ “ร้านมืด” เพื่อการจัดส่ง โดยเปลี่ยนร้านค้าให้เป็นศูนย์กระจายสินค้าชั่วคราวหรือถาวร ที่พนักงานคัดสินค้าเพื่อจัดส่งหรือรับสินค้าที่ร้าน ผู้ค้าปลีกจำเป็นต้องมีระบบการทำงานที่บูรณาการอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้สามารถตอบสนองและปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วตามการเปลี่ยนแปลงของความต้องการลูกค้า

“สภาวะปกติถัดไปยังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลง และความคาดหวังของลูกค้าจะยังคงเปลี่ยนแปลงไปตามไปด้วย” แมคกินซีย์ กล่าว “ผู้ค้าปลีกที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ลูกค้า และมีความยืดหยุ่นพร้อมนวัตกรรมในประสบการณ์ออมนิจแชนเนล จะสามารถดำเนินธุรกิจได้ดีกว่า และเสริมสร้างความผูกพันกับลูกค้า”

 

บทความข้างต้นเขียนโดย LS Retail เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2020 อ่านต้นฉบับได้ ที่นี่

Subscribe To Our Monthly Newsletter

For our latest ERP news, trends, updates and more!

By submitting, you agree to our T&Cs.